วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่องการจัดการข้อมูล

1. จำแนกประเภทของหน่วยข้อมูลได้
ตอบ หน่วยข้อมูลประกอบไปด้วยหน่วยที่เล็กที่สุดไปยังหน่วยที่ใหญ่ที่สุด ตามลำดับต่อไป
1. บิต ( Bit ) คือ หน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุด เป็นเลขฐานสองมีค่าเป็น 0 และ 1

2. อักขระ ( Character ) คือ ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ต่างๆ แต่ละตัวจะ
เท่ากับ 1 อักขระ เช่น com#12%34 ประกอบด้วย ตัวอักษร 3 ตัว ตัวเลข
4 ตัว และ สัญลักษณ์ 2 ตัว ทั้งหมดมีค่าเท่ากับ 9 อักขระ และ1 อักขระ
มีค่าเท่ากับ 1 ไบต์

3. ไบต์ ( Byte ) คือ กลุ่มของบิต จะมีขนาด 8 บิต เท่ากับหนึ่ง 1 ไบต์
ใช้แทนอักขระหนึ่งตัว
เช่น A มีรหัสแทนข้อมูล คือ 01000001 มีค่าเท่ากับ 1ไบต์
1 มีค่ารหัสแทนข้อมูล คือ 00110001 มีค่าเท่ากับ 1 ไบต์
การจัดเก็บข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลสำรองจะมีหน่วยความจุเป็น
ไบต์ ที่สูงขึ้นเป็นกิโลไบต์ (Kilobyte: KB) เมกะไบต์ (Megabyte: MB)
หรือ กิกกะไบต์ (Gigabyte: GB) เป็นต้น

4. ฟิลด์ (Fied) คือ เขตข้อมูล เกิดจากการนำอักขระที่มีความเกี่ยว
ข้องกันมาไว้รวมกัน เพื่อให้เกิดความหมาย เช่น การจัดเก็บข้อมูล นักศึกษาจะประกอบด้วยฟิลด์ของรหัสประจำตัว ชื่อ นามสกุล ระดับชั้น แผนกวิชา คณะวิชา เป็นต้น

5. เรกคอร์ด (Record) คือ จะประกอบด้วย ฟิลด์หลายๆฟิลด์ที่เกี่ยวข้องกันเป็นข้อมูลแต่ละแถว หรือ แต่ละชุด

6. ไฟล์ (File) ไฟล์ หรือ แฟ้มข้อมูลจะประกอบไปด้วย เรกคอร์ด ตั้งแต่หนึ่งเรกคอร์ดขึ้นไป ซึ่งอยูภายในตารางเดียวกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลนักศึกษา ไฟล์ข้อมูลบุคลากร เป็นต้น

7. ฐานข้อมูล (Database) คือ เกิดจากการรวบรวมเอาแฟ้มข้อมูลหลายๆ แฟ้มที่มีความสัมพันธ์กันนำมารวมไว้ด้วยกัน


2. อธิบายประเภทของแฟ้มข้อมูลได้
ตอบ ประเภทของแฟ้มข้อมูลมีหลายประเภท แบ่งตามรูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลประเภทต่างๆประกอบด้วยประเภทแฟ้มข้อมูลพื้นฐาน ดังนี้
1. แฟ้มข้อมูลหลัก (Master File) คือ แฟ้มข้อมูลที่จัดเก็บข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อย หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น แฟ้มข้อมูลบุคลากร แฟ้มข้อมูลราษฎร์ แฟ้มข้อมูลสินค้า แฟ้มข้อมูลยอดขายสินค้า เป็นต้น

2. แฟ้มข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง (Transaction File) คือ แฟ้มข้อมูลที่มีการจัดเก็บข้อมูลตามช่วงเวลาที่กำหนดและเป็นแฟ้มข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อทำให้ข้อมูลต่างๆเหล่านั้นมีความถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน เช่น แฟ้มข้อมูลการขายสินค้า
แฟ้มข้อมูลการฝาก-การถอนของธนาคาร เป็นต้น แฟ้มข้อมูลอาจเก็บรวบรวมข้อมูลทุกเวลาที่ทำการประมวลผล บางแฟ้มข้อมูลอาจจะรวบรวมข้อมูลทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ หรือ ทุกๆเดือนก็ได้ เมื่อประมวลผลข้อมูลแล้ว จำนำข้อมูลต่างๆเหล่านั้นไปปรังปรุงแฟ้มข้อมูลหลักอีกครั้งหนึ่ง

3. แฟ้มรายงาน (Report File) คือ แฟ้มข้อมูลที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูล ประเภทรายงาน ที่จัดเก็บไว้ในรูปแบบของไฟล์เอกสาร การจัดเก็บข้อมูลประเภทรายงานนั้นสามารถเรียกดูผ่านทางจอภาพได้ โดยไม่จำเป็นที่จะแสดงผลออกทางเครื่องพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้แฟ้มรายงานที่จัดเก็บไว้ไปประยุกต์ใช้กับงานอื่น หรือไฟล์ประเภทอื่นได้อีก เช่น สามารถนำข้อมูลนักศึกษา ในแต่ละแผนกวิชา ที่เก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลนักศึกษา จากโปรแกรม Microsoft Access มาเป็นข้อมูลที่แสดงในรูปของกราฟเพื่อการนำเสนอและจัดเก็บไว้ในรูปของรายงานจากโปรแกรม Microsoft Access ได้

4. แฟ้มข้อมูลชั่วคราว (Temporary File) คือ แฟ้มข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำงานที่จะไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อข้อมูลแฟ้มข้อมูลหลัก แต่เมื่อใดก็ตามที่ต้องการนำข้อมูลจากแฟ้มข้อมูลชั่วคราวไปปรับปรุงในแฟ้มข้อมูลหลัก สามารถทำได้โดยยืนยันการเปลี่ยนแปลงของข้อมูล แฟ้มข้อมูลชั่วคราวจะถูกยกเลิก ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อแฟ้มข้อมูลหลักแต่อย่างใด เช่น เปิดแฟ้มข้อมูลสินค้าเป็นแฟ้มข้อมูลหลักขึ้นมา ได้ทำการแก้ไขราคาสินค้าบางประเภทโดยสร้างแฟ้มข้อมูลชั่วคราวเพื่อใช้ในการจัดการข้อมูลที่ต้องการแก้ไข ถ้าแก้ไขข้อมูลเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีการยืนยันที่จะจัดเก็บข้อมูลที่ทำการแก้ไขแล้วนั้น ข้อมูลที่อยู่ในแฟ้มข้อมูลชั่วคราวก็จะถูกทำลายไปโดยไม่มีผลกระทบต่อแฟ้มข้อมูลหลัก

5. แฟ้มข้อมูลสำรอง (Backup File) คือ การทำซ้ำข้อมูลไฟล์ หรือโปรแกรมในสื่อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆเพื่อนำกลับมาใช้ได้อีก การจัดเก็บแฟ้มข้อมูลที่มีความสำคัญ ผู้ใช้มักจะจัดเก็บแฟ้มข้อมูลดังกล่าวในรูปแบบของแฟ้มข้อมูลสำรอง เป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูล เมื่อข้อมูลเหล่านั้นเสียหายหรือสูญหาย สามรถนำข้อมูลที่เก็บไว้เป็นข้อมูลสำรองมาใช้แทนได้ เช่น เจ้าหน้าที่วานทะเบียนได้จัดเก็บแฟ้มข้อมูลนักศึกษาไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลสำรองภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ คือ ฮาร์ดดิสก์ และเจ้าหน้าที่ก็ได้จัดเก็บแฟ้มข้อมูลนักศึกษาไว้เป็นแฟ้มข้อมูลสำรองในสื่อเก็บข้อมูลสำรองชนิดอื่นๆ เช่น แผ่นซีดี ฮาร์ดดิสก์ สำหรับพกพา ต่อมาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เก็บแฟ้มข้อมูลนักศึกษานั้นเสีย เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่ ดังนั้นข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกลบทิ้งทั้งหมด แต่เจ้าหน้าที่งานทะเบียนสามารถนำแฟ้มข้อมูลนักศึกษาที่เก็บไว้เป็นแฟ้มข้อมูลสำรองมาใช้แทนได้จึงไม่ทำให้การทำงานหยุดชะงักเนื่องจากสูญเสียข้อมูล และไม่ต้องเสียเวลาในการบันทึกข้อมูลของนักศึกษาใหม่อีกครั้ง

3. อธิบายลักษณะการประมวลผลข้อมูลได้
ตอบ ลักษณะการประมวลผลข้อมูล สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การประมวลผลแบบกลุ่ม และการประมวลผลแบบทันที การเลือกลักษณะการประมวลผลข้อมูลแบบใดนั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของสารสนเทศในงานแต่ละประเภท
1. การประมวลผลแบบกลุ่ม (Batch Processing)
การประมวลผลแบบกลุ่ม เป็นวิธีการประมวลผลซึ่งจะกำหนดช่วงเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น 1 สัปดาห์ 1 เดือน หรือ 1 ปี เป็นต้น เมื่อได้รวบรวมข้อมูลตามกำหนดเวลาแล้วจึงนำข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผลรวมกัน โดยจะไม่คำนึงถึงปริมาณของข้อมูล เช่น การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะต้องรวบรวมข้อมูลของรายได้แต่ละบุคคลในระยะเวลา 1 ปี ก่อนจึงนำข้อมูลนี้ไปคำนวณหาอัตราภาษีที่ต้องชำระ การคำนวณหารายได้สุทธิของบุคลากรภายในองค์กรจะทำการประมวลทุกๆเดือน เป็นต้น

2. การประมวลผลแบบทันที (Real-time Processing)
การประมวลผลแบบทันที เป็นวิธีการประมวลผลข้อมูลที่ต้องการหาผลลัพธ์ในทันทีและเมื่อมีการจัดทำรายการเข้ามาภายในระบบ วิธีการประมวลผลแบบทันทีนี้ จะช่วยปรับปรุงข้อมูลในระบบให้เป็นปัจจุบันตลอดเวลา จะเห็นได้ชัดเจนจากระบบการฝากและถอนเงินของลูกค้าใน ธนาคาร เมื่อนำเงินเข้าไปฝากยอดในบัญชีธนาคารต้องมียอดเงินเพิ่มขึ้น ตาม จำนวนเงินที่ฝากเพิ่มทันที และเมื่อใดที่ลูกค้าทำการถอนเงิน ก็จะต้องแสดงยอดเงินคงเหลือที่ลดลงจากบัญชีธนาคาร เช่นกัน และเมื่อสิ้นสุดการทำงานในแต่ละวันพนักงานธนาคารจะต้องทำการตรวจสอบยอดเงินรับ และยอดเงินจ่ายให้ตรงกับรายการที่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการทั้งหมด จะเป็นลักษณะของการประมวลผลแบบกลุ่มอีกครั้งหนึ่ง

ในปัจจุบันได้นำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการประมวลผล ในระบบงานขายสินค้าสำหรับห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าทั่วไปอย่างแพร่หลาย ในระบบงานขายสินค้าพนักงานขายมีหน้าที่ประมวลผลรายการซื้อสินค้าให้แก่ราคาสินค้า และเมื่อขายสินค้าชนิดใดก็ตาม ข้อมูลการขายสินค้าก็จะนำไปลดจำนวนของสินค้าที่อยู่ภายในระบบสินค้าคงคลัง เป็นลักษณะการประมวลผลแบบทันที และเมื่อสิ้นสุดการขายในแต่ละวันจะนำข้อมูลการขายสินค้าไปจัดทำเป็นข้อมูลรายรับหรือจัดทำรายงานการขายสินค้าในแต่ละวัน และสามารถนำข้อมูลไปประมวลผลเป็นรายได้แต่ละเดือนได้อีกด้วย จะเป็นลักษณะของการประมวลผลแบบกลุ่ม


4. จำแนกความแตกต่างของโครงสร้างข้อมูลแต่ละประเภทได้
ตอบ โดยทั่วไปการจัดเก็บแฟ้มข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้ภายในหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง เช่น ฮาร์ดดิสก์ ฟลอปปีดิสก์ เป็นต้น เนื่องจากหน่วยเก็บข้อมูล สามารถเก็บแฟ้มข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นไว้ได้อย่างถาวร เพราะข้อมูลยังคงอยู่ถึงแม้ว่าจะปิดเครื่องไปแล้วก็ตาม และเมื่อต้องการใช้งานสามารถเรียกมาใช้งานได้ทันที การจัดโครงสร้างแฟ้มข้อมูลมีจุดประสงค์เพื่อนำไปใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเหมาะสม กับปริมาณข้อมูลหรือสื่อที่ใช้ในการเก็บข้อมูล โดยอาศัยคีย์ฟิลด์เป็นหลักในการเข้าถึงข้อมูล การจัดโครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ

1. โครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ เป็นรูปแบบโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้งานง่ายที่สุด เป็นการบันทึกข้อมูลจะถูกบันทึกแบบเรียงลำดับอย่างต่อเนื่อง

2. โครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบสุ่ม เป็นรูปแบบโครงสร้างที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลเรกคอร์ดใดก็ตาม สามารถกระโดดไปยังตำแหน่งของข้อมูลเรกคอร์ดนั้นได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาที่ต้องเริ่มอ่านข้อมูลตั้งแต่ตำแหน่งแรก โครงสร้างนี้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วกว่าโครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ

3. โครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบลำดับดรรชนี เป็นโครงสร้างแฟ้มข้อมูลที่รวมเอาความสามารถของโครงสร้างแฟ้มข้อมูลแบบเรียงลำดับ กับโครงสร้างแบบแบบสุ่มเข้าไว้ด้วยกัน


5. จำแนกความแตกต่างระหว่างการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูลกับระบบฐานข้อมูลได้
ตอบ การประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล มีลักษณะการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายในแต่ละหน่วยงานที่นำคอมพิวเตอร์มาช่วยสำหรับประมวลผลการทำงานด้านต่างๆ ก่อให้เกิดแฟ้มข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานและแต่ละฝ่ายงานอย่างหลากหลายแฟ้มข้อมูล

ระบบฐานข้อมูล เป็นการจัดเก็บข้อมูลแบบศูนย์กลางเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับการประมวลผลแบบแฟ้มข้อมูล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น