วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การปลูกมะละกอ

1. การเตรียมเมล็ดพันธุ์
- ต้นมะละกอมี 3 เพศคือ ต้นตัวเมียผลจะกลมป้อม, ต้นกะเทยผลจะยาว และต้นตัวผู้มีแต่ดอกเป็นสายยาวไม่มีผล การเลือกพันธุ์ให้คัดเอาแต่เมล็ดจากต้นกะเทยที่ให้ผลผลิตดี ลักษณะดี คัดเอาผลที่เริ่มสุก แก้มแดง แล้วบ่มให้สุกโดยการห่อกระดาษหนังสือพิมพ์จึงผ่าเอาเมล็ดมาล้างเมือกหุ้มเมล็ดออก ตากแห้งเก็บไว้ใช้ทำพันธุ์ ข้อมูลจากเกษตรกรชาวสวนบอกว่าเมล็ดจากช่วงกลางผลจะเป็นกะเทยมากที่สุด

2. การเพาะกล้า
- การเพาะกล้า ให้แช่เมล็ดแห้งในน้ำ 2 คืน แล้วนำไปเพาะในถุงเพาะกล้า หรือแปลงเพาะ
- ดินปลูก ใช้ดินร่วนหรือดินเหนียว(ดินทาม หรือ ดินริมแม่น้ำ หรือดินจอมปลวก) 3 ส่วน ปุ๋ยคอกเก่าหรือขี้ไก่ 1 ส่วน และแกลบเผา 3 ส่วน ใช้ถุงขนาด 4 × 6 นิ้ว
- เพาะเมล็ดที่แช่น้ำแล้ว ลงในถุงๆละ 3-4 เมล็ด 7 วันจะเริ่มงอก เมื่ออายุ 30 วันให้ถอนเหลือ 1 ต้น อายุ 60 วันนำไปปลูกได้ดีที่สุด ควรเพาะกล้าที่ร่มพลางแสง 50-70% รดน้ำสม่ำเสมอ อย่าให้แฉะเกินไป

3. การปลูก
- ระยะปลูก 2.50 × 2.50 ม. 1 ไร่ใช้กล้าประมาณ 256 ต้น หรือ 3.0x3.0 ม. หรือ 2.0X4.0ม.
- ขุดหลุมปลูก ไม่ต้องลึกมากเพาะมะละกอรากตื้น (ประมาณ 50 ซม.) รองก้นหลุม ด้วยปุ๋ยคอก 1 ปุ้งกี๋ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 1 ช้อนแกง มะละกอจะชอบขี้ไก่ หรือปุ๋ยคอกเก่า
- ให้ปุ๋ย 15-15-15 เดือนละครั้งๆละ ประมาณ 1-2 ช้อนแกง ร่วมกับปุ๋ยคอกตามสมควร หรือปุ๋ยหมักชีวภาพ 4-5 กำมือ เริ่มออกดอก เมื่อครบอายุ 3 เดือนใช้ ปุ๋ยตัวท้ายสูง เช่น 13-13-21 เดือนละครั้งเพื่อเพิ่มการติดผลและเพิ่มความหวาน การใส่ปุ๋ยเคมีอย่าใส่ใกล้ต้น ใส่เมื่อดินมีความชื้นหรือรดน้ำตาม
- อายุ 6-8 เดือน เก็บผลผลิตได้ขึ้นกับการดูแลรักษา การให้น้ำที่สม่ำเสมอ อายุการเก็บผลผลิต ถึง 2 ปี จึงปลูกใหม่ ควรปลูกในพื้นที่ใหม่ ไม่ซ้ำที่เดิมเพื่อลดปัญหาโรคและแมลง
- การให้น้ำควรให้น้ำแบบพ่นฝอย(สปริงเกลอร์) วันละ 1 ชม.
- การคลุมดินด้วยฟางจะช่วยรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืชได้เป็นอย่างดี
- การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกจะให้ผลดีที่สุด ใส่ปุ๋ยแล้วต้อรดน้ำเสมอ

4. การเก็บเกี่ยว
เก็บผลดิบควรแยกขนาด แล้วบรรจุถุงพลาสติกใสเบอร์ 18 หากผลสุกให้เก็บเมื่อแก้มผลเป็นสีส้มเล็กน้อยแล้วห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ระวังผิวต้องสวย คัดขนาดส่งจำหน่ายต่อไป

5. การผลิตมะละกออินทรีย์
ให้ใช้ปุ๋ยคอกโดยเฉพาะขี้วัว ขี้ควาย ห้ามใช้ขี้ไก่ฟาร์มเพราะมียาปฏิชีวนะตกค้างมาก(ขี้ไก่บ้านใช้ได้) หรือใช้ปุ๋ยชีวภาพ(ไร่ละ 200-300 กก.) น้ำหมักชีวภาพ หรือ อีเอ็ม (ฉีดพ่นทุกๆ 10 วัน)โดยใช้ปุ๋ยคอกประมาณไร่ละ 1-2 ตัน การเร่งความหวานให้ใช้มูลค้างคาวต้นละ 1-2 กำมือเริ่มให้ในระยะออกดอก และให้เดือนละครั้ง การคลุมแปลงปลูกด้วยฟางจะมีความสำคัญมากในการปลูกแบบอินทรีย์

ลักษณะนิสัย

ไม้ต้นขนาดเล็ก ความสูงประมาณ 6 เมตร ความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร

รูปร่างทรงพุ่ม รูปไข่

ลำต้น เป็นลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงได้เอง ผิวลำต้นหยาบ ต้นอ่อนสีเขียว ต้นแก่สีขาวนวล
มีน้ำยาง ยางขุ่นสีขาว

ใบ เป็นใบเดี่ยว ใบอ่อนสีเขียวอ่อน ใบแก่สีเขียวแก่ ขนาดแผ่นใบกว้างประมาณ
25 เซนติเมตร ยาวประมาณ 37 เซนติเมตร ใบเรียงแบบวงรอบ รูปร่างของใบเป็นแฉก ปลายใบแหลม
โคนใบรูปเงี่ยงใบหอก ขอบใบเป็นแฉก

ผล เป็นผลสด มีเนื้อหลายเมล็ด ผลอ่อนสีเขียวอ่อน
ผลแก่สีเขียวปนเหลือง ผลรูปรี มีน้ำยางขุ่นสีขาว

เมล็ด ภายในผลมีเมล็ดหลายเมล็ด

บูรณาการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม

มะละกอ

7-30240-001-028/1


ชื่อพื้นเมือง มะละกอ
ก้วยลา (ยะลา)
แตงต้น (สตูล)
มะก้วยเทศ (ภาคเหนือ)
มะเต๊ะ (มลายู ปัตตานี)
มะละกอ (ภาคกลาง)
ลอกอ (ภาคใต้)
สะกุยเส่ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน)
หมักหุ่ง (เลย นครพนม)
หมากซางพอ (เงี้ยว แม่ฮ่องสอน)


ชื่อวิทยาศาสตร์ Carica papaya L.

ชื่อวงศ์ CARICACEAE

ชื่อสามัญ Papaya , Pawpaw , Tree melon

ประโยชน์ ผลดิบใช้ทำส้มตำ
ผลสุกรับประทานจะช่วยให้ย่อยอาหารได้ดี





















































































































































































































































































































































































































































































วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ไมโครโฟน

ไมโครโฟน คือ อุปกรณ์รับเสียงแล้วแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่อประมวลผลในเครื่องขยายเสียงหรืออุปกรณ์ผสมเสียงอื่น ๆ ไมโครโฟนประกอบด้วยขดลวดและแม่เหล็กเป็นหลัก เมื่อเสียงกระทบตัวรับในไมโครโฟน จะทำให้ขดลวดสั่นสะเทือนตัดกับสนามแม่เหล็ก จึงทำให้เกิดสัญญาณไฟฟ้า ซึ่งเป็นหลักการทำงานตรงข้ามกับลำโพง โดยทั่วไปไมโครโฟนใช้รับเสียงพูดหรือเสียงร้องเพลง



เอ็มไอซีอาร์ (Magnetic Ink Character Recognition system)

เอ็มไอซีอาร์ (Magnetic Ink Character Recognition system) ปัจจุบันมีจำนวนผู้นิยมใช้เช็คมากขึ้น จึงมีผู้คิดวิธีการตรวจสอบเช็คให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้ โดยได้ประดิษฐ์เครื่อง MIRC ขึ้นใช้ในธนาคารสำหรับตรวจสอบเช็ค โดยเครื่องจะทำการเข้ารหัสธนาคาร รหัสสาขา เลขที่บัญชี และเลขที่เช็ค ไว้ในเช็คทุกใบ จากนั้นจึงส่งเช็คนั้นให้ลูกค้า ตัวเลขที่เข้ารหัสไว้จะเรียกว่า ตัวเลข MIRC ในเช็คทุกใบจะมีเลข สีดำชัดเจนที่ด้านล่างซ้ายของเช็คเสมอ และหลังจากที่เช็คนั้นกลับมาสู่ธนาคารอีกครั้งหนึ่ง ก็จะทำการตรวจสอบจากตัวเลข MIRC ว่าเป็นเช็คของลูกค้าคนนั้นจริงหรือไม่ เครื่อง MIRC ไม่เป็นที่นิยมใช้กับงานประเภทอื่น เพราะชุดของตัวอักษรที่เก็บได้มีสัญลักษณ์ 14 ตัว



โอเอ็มอาร์ (Optical Mark Reader-OMR)

โอเอ็มอาร์ (Optical Mark Reader-OMR) โอเอ็มอาร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้หลักการอ่านสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่ระบายด้วยดินสอดำลงในตำแหน่งที่กำหนด ตัวอย่างเช่น ข้อสอบแบบเลือกคำตอบ เป็นต้น โดยดินสอดำที่ใช้นั้นต้องมี สารแม่เหล็ก (magnetic particle) จำนวนหนึ่ง เพื่อให้เครื่องโอเอ็มอาร์สามารถรับรู้ได้ ซึ่งปกติจะเป็นดินสอ 2B จากนั้น เครื่องโอเอ็มอาร์ก็จะอ่านข้อมูลตามเครื่องหมายที่มีการระบายด้วยดินสอ

สแกนเนอร์ scanner

สแกนเนอร์ ( scanner) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บภาพหรือรายละเอียดจากวัตถุ โดยทำการสแกน หรือ เก็บข้อมูล และจากนั้นจะถูกส่งจากเครื่องสแกนเนอร์เข้าไปสู่คอมพิวเตอร์ในลักษณะจุดใน พิกัด 3 มิติ ที่เรียกว่า พอยต์คลาวด์ เพื่อนำไปคำนวณผลต่อไป โดยเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้งานในการถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดีโอเกม

ดิจิไทเซอร์

ดิจิไทเซอร์

สไตลัส(stylus)

สไตลัส(stylus) เป็นอุปกรณ์ที่เป็นปากกาสำหรับการนำข้อมูลเข้าอีกชนิอหนึ่งโดยทั่วไปจะใช้กับคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องพีดีเอ ปาล์มคอมพิวเตอร์ แท็บแล็ตพีซี เป็นต้น โดยจะสามารถให้เขียนเลือกเมนูการทำงานหรือวาดเส้นลงบนจอภาพได้โดยตรง

ปากกาแสง (Light Pen)


ปากกาแสง (Light Pen) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกชนิดหนึ่งที่มีเซลล์แบบ photoelectric ซึ่งมึความไวต่อแสงทำงานคล้ายกับเมาส์ที่ใช้ในการติดต่อกับคอมพิวเตอร์มีรูป ร่างเหมือนปากกาและมีแสงอยู่ตอนปลาย มีสายที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยที่ปลายข้างหนึ่งของ ปากกาจะมีสายเชื่อมที่สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ การใช้งานทำได้โดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตำแหน่งที่ต้องการ นิยมใช้กับงานคอมพิวเตอร์ในการออกแบบ (Computer Aided Design หรือ CAD) การวาดภาพสำหรับงานกราฟิก รวมทั้งยังนิยมใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลโดยการเขียนด้วยมือและจิ้มเลือกเมนู รายการที่ต้องการบนหน้าจอ เพื่อส่งผ่านข้อมูลการเลือกนั้นให้กับโปรแกรมที่อยู่ในหน่วยความจำ นอกจากนี้ยังมีการใช้ปากกาแสงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพาหรือปาล์มท็อปอ ย่างแพร่หลายด้วย เช่น PDA ข้อดีของปากกาแสง คือ สามารถจี้ไปบนจอภาพโดยตรงเพื่อบอกตำแหน่งที่ต้องการ

จอสัมผัส( Touch screen)

Touch Screen หรือจอสัมผัส เป็นรูปแบบหนึ่งของอุปกรณ์แสดงผลและนำเข้าข้อมูลที่ผสมร่วมกัน เพื่อลดขนาดพื้นที่การใช้งาน โดยโปรแกรมจะแสดงผลภาพกราฟิกที่กำหนดบนจอภาพ และผู้ใช้ยังสามารถใช้นิ้วมือสัมผัสบนจอภาพ เพื่อเลือกรายการต่างๆ ทั้งที่อยู่ในลักษณะของรูปภาพ หรือข้อความก็ได้ เพื่อสั่งงานผ่านการสัมผัสบนจอภาพได้ โดยอาศัยหลักการบังแสงอินฟราเร็ด หรือคลื่นอัลตาโซนิค
จอสัมผัสนิยมนำมาใช้ในลักษณะของงานที่ช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาการใช้อุปกรณ์นำเข้าแบบจับต้อง เช่น แป้นพิมพ์, เมาส์ และสร้างสื่อเพื่อการฝึกอบรมแบบ Interactive รวมทั้งนิยมใช้ในการทำสื่อนำเสนอกิจกรรมต่างๆ ที่เรียกว่า Information Kiosk

จอยสติก

จอยสติก เป็นอุปกรณ์นำำเข้าข้อมูล คำสั่ง ใช้การควบคุมการเคลื่อนของตัวชี้คล้ายกับเมาส์ แต่ต่างกันที่จอยสติกจะเพิ่มปุ่มเฉพาะอย่าง นิยมใช้ในการเล่นเกม

เมาส์(Mouse)


เมาส์ (mouse) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมตัวชี้บนจอคอมพิวเตอร์ mouse pointerเป็นอุปกรณ์สำคัญในการใช้งานคอมพิวเตอร์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีรูปร่าง ลักษณะ สีสรร ต่างๆกัน บางรุ่นมีไฟประดับให้สวยงาม เพื่อให้เมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภทและความชื่นชอบของผู้ใช้ เช่นมีขนาดเล็ก มีส่วนโค้งและส่วนเว้าเข้ากับอุ้งมือของผู้ใช้ มีรูปร่างสีสรรแปลกตาไปจากรุ่นทั่วๆไป หรือเป็นรูปตัวการ์ตูน และล่าสุดได้มีการพัฒนา เมาส์อากาศ Air Mouse ซึ่งสามารถใช้งานเมาส์โดยถือขึ้นมาเอียงไปมาในอากาศโดยไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นรอง ก็สามารถควบคุมตัวชี้ได้เช่นกัน
การทำงานของเมาส์ ภายในตัวเมาส์จะมีอุปกรณ์สำหรับตรวจจับตำแหน่งการเคลื่อนไหวของลูกกลิ้งยาง(ในรุ่นเก่า)หรืออุปกรณ์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของแสง (ในเมาส์ที่ใช้แอลอีดีหรือเลเซอร์เป็นแหล่งกำเนิดแสง) โดยตัวตรวจจับจะส่งสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลของตัวชี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
การเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ การใช้งานเมาส์ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นจะต้องมีการต่อมันเข้ากับช่องต่อของคอมพิวเตอร์ ซึ่งในยุคแรกๆนั้นช่องสำหรับต่อเมาส์จะมีลักษณะเป็นหัวกลมใหญ่ภายในมีขาเป็นเข็มเรียกว่าแบบ DIN ต่อมามีการพัฒนาช่องต่อเป็นแบบหัวเข็มที่เล็กลงเรียกว่า PS2 แต่การเชื่อมต่อทั้งสองแบบนั้นไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย จึงมีการพัฒนาช่องต่อแบบ USB ขึ้นมา และในเวลาใกล้ๆกันก็ได้มีการพัฒนาการเชื่อมต่อเมาส์แบบไร้สายขึ้นมาโดยใช้สัญญานวิทยาเป็นตัวเชื่อมต่อแทนสายเรียกว่า Wireless mouse

ส่วนประกอบคีย์บอร์ด

แป้นพิมพ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีด (Typewriter )ทั่วไปต่างกันเพียงมีแป้นกดที่ทำหน้าที่พิเศษเพิ่มขึ้นเท่านั้น แป้นกดของแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ จำแนกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ

1. แป้นพมพ์ปกติและแป้นควบคุม ( Typewriter & Control Keys )

2. แป้นเฉพาะตัวเลข (Numeric Keypad )

3. แป้นกำหนดการทำงานพิเศษ ( Function Keys )

4. แป้นแก้ไข ( Editing Keys 1 แป้นพิมพ์ปกติ และแป้นควบคุม ( Typewriter & Control Keys )
ใช้กำหนดตัวอักษร , ตัวเลข และสัญญลักษณ์ รวมทั้งการทำงานของโปรแกรม (Sofware )ที่ใช้งานขณะนั้น มีการวางตำแหน่งของแป้นกดตามมาตราฐาน เช่นเดียวกับแป้นบนเครื่องพิมพ์ทั่วไป2 แป้นเฉพาะตัวเลข ( Numeric Keypad )เป็นแป้นที่สร้างขึ้นเพื่อความสะดวกของผู้ใช้ เมื่อต้องป้อนตัวเลขบ่อยๆแป้นในกลุ่มนี้จะทำงานเมื่อกดแป้น Num Lock ให้หลอดไฟแสดงสภาวะการทำงานของ Numeric Lock สว่างขึ้นแล้วเท่านั้น3 แป้นกำหนดการทำงานพิเศษ ( Function Keys )เป็นแป้นที่กำหนดขึ้นเป็นพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานโปรแกรมต่างๆส่วนใหญ่มักมีแบบ การทำงานตามที่โปรแกรมกำหนดแป้นพิมพ์ที่มีแป้นกด 101 และ 84 แป้น ประกอบด้วยแป้น FuntionKeys 12และ10แป้น ตามลำดับ4 แป้นแก้ไข ( Editing Keys )เป็นกลุ่มแป้นใช้เลื่อน Cursor เพื่อตรวจสอบ และแก้ไขข้อมูลที่แสดงบนจอภาพ

คีย์บอร์ด


คียบอร์ด หรือ แป้นพิมพ์ (ศัพท์บัญญัติใช้ว่า แผงแป้นอักขระ) เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ทุกเครื่องจำเป็นต้องมี เป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนำข้อมูลลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยปกติมักจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือใกล้เคียง มีแป้นต่างๆ ประมาณร้อยแป้นอยู่บนคีย์บอร์ด (ขึ้นอยู่กับผังแป้นพิมพ์) ซึ่งถอดแบบมาจากเครื่องพิมพ์ดีด ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับรับข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ แล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต จากนั้นจึงส่งให้คอมพิวเตอร์ประมวลผล หรือใช้ควบคุมฟังก์ชันการทำงานบางอย่างของคอมพิวเตอร์ และเพื่อให้การป้อนข้อมูลที่เป็นอักขระและตัวเลขทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น คีย์บอร์ดจึงแยกแผงที่เป็นแป้นอักขระกับแป้นตัวเลขแยกไว้ต่างหาก